ผู้หญิงอยากรู้      เมนูอาหารเสี่ยงอันตราย

เมนูอาหารเสี่ยงอันตราย











1. แฮมเบอร์เกอร์ 


จัดเป็นอาหารประเภทที่ มีความเสี่ยงสูง เพราะเวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำ เนื้อ มาใช้ปรุงทำให้มี แบคทีเรีย เกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้ สารเคมีสีแดง มาช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว นอกจากนี้แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่ สารปรุงรส(MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ โดย MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ผู้บริโภคอ้วนขึ้นด้วย



2.ฮอทด็อก

เป็นอีก เมนูอันตราย เพราะมีกระบวนการผลิตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์ และ ฮอทด็อก ทั้ง หมดยังใส่ สารไนไตรท์ เพื่อช่วยทำให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม โดย สารไนไตรท์ เป็นสารที่ทำให้เกิด โรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด เนื้องอกในสมองและมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ ถุงหลอด ที่ใช้บรรจุฮอทด็อก ก็ทำจาก คอลลาเจนสังเคราะห์ ที่เป็นสารก่อให้เกิด โรคมะเร็ง ได้สูง มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% เมื่อนำ ไปปิ้งย่าง มันจะทำให้มี สารพิษร้ายแรง ที่เรียกว่า อะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็งและ ทำลายประสาท


3.เฟร้นช์ฟราย- มันฝรั่งทอด

เป็นอาหารที่มี ความเป็นพิษสูง โดยการทอด เฟร้นช์ฟราย ใช้อุณหภูมิสูงทำให้มี สารอะคริลิไมด์ ออกมา นอกจากนี้ น้ำมัน ที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งแต่ละครั้งจะเกิดการ ออกซิไดซ์ ในมันฝรั่งยังมี ดรรชนีกลีซิมิค(Glycemic) อยู่สูงมาก…..นั่นหมายถึงมันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก

4. คุกกี้ 

ที่เด่นชัดมาก คือ สัดส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ซึ่งอาหารในประเภทที่มีน้ำ ตาลปริมาณสูงเช่นนี้ จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น


5.พิซซ่า


พิซซ่า ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการ ตัดแต่งพันธุกรรม 5 ชนิด คือ…..

1.เนยแท้(cheese) เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไม่ควรเรียกว่าเนยแท้ได้เลย…..
2.แป้ง ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโม เลกุลที่เคยมีอยู่เข้าไปใหม่…..
3.ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารคล้ายมะเขือเทศที่สร้าง ยาฆ่าแมลง ของมันขึ้นมาได้เองในร่างกายของท่าน…..

4.แป้งสาลี ชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม
5.มี น้ำมันฝ้าย ประกอบอยู่ โดยฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้ในฝ้ายเมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสารพิษต่างๆเอาไว้ได้มากที่สุด ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณะสุข ต่างไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่ามันปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่ มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่มันเป็น น้ำมันไฮโดรจีเนต และมีอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ผิวหน้าแป้งพิซซ่า ที่อบปิ้งในอุณหภูมิสูง อาจมี สารอะคริลิไมด์ เกิดขึ้นด้วย ขณะที่การเพิ่มหน้าพิซซ่า เพ็พเปอโรนิ หรือเพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจาก ไนไตรท์ สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆ รวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงาน



6.น้ำอัดลม

สารตัวสำคัญที่มีอยู่ใน น้ำอัดลม คือ กรดกำมะถัน(Phosphoric acid) ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน กรดที่สะสมอยู่ในร่างกายทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ และ น้ำโซดา ที่เป็นส่วนประกอบอีกตัวของน้ำอัดลมจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูก จนทำให้เกิด โรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะมี น้ำตาลที่ไม่ให้พลังงาน อยู่ 12 ช้อนชา ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว หรือ Diet soda ที่ใช้ น้ำตาลเทียมสังเคราะห์(Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะน้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก ขณะที่ สี ที่ใช้เติมในน้ำอัดลม ยังเป็น สารก่อมะเร็ง ด้วย


7.ชิ้นไก่ทอด-เนื้อนุ่มไร้กระดูก

เป็นเมนูที่ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไปจะให้พลัง งาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส MSG ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ นัคเก็ตชิคเก้น บางอันจะมี สารอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเมตะโบลิสซึมของร่างกายด้วย

8.ไอศกรีม

มีไขมันอยู่สูงมากเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มากเกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีน้ำตาลอยู่มากทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเน็ตและไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) ไปจากธรรมชาติและยังช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรอล ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

9.โดนัท

โดยเฉลี่ยแล้วจะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัท 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุ มูลอิสระเกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษและทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลง เป็นการคุกคามต่อสุขภาพที่ดี และยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น


10.อาหารขบเคี้ยวยามว่าง

ในปัจจุบันมีการบริโภค โปเตโต้ชิพ กันมาก โดยน้ำมันที่ใช้ในการทอดโปเตโต้ชิพในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์ และทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาทออกมา นอกจากนี้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ถุงอาจได้รับสารอะคริลิไมด์สูงมากกว่า 500 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราสูงสุดที่อนุญาตให้มีในน้ำดื่มทั่วไปได้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ชิ้น อาจได้รับสารอะคริลิไมด์ เท่ากับอัตราที่มีอยู่ในน้ำดื่ม 1 แก้ว












ข้อมูลhttp://2015.n3k.in.th

Copyrights © 2009 www.nisavariety.com All Rights Reserved.
counter