เรื่องสั้น      กระจกร้านบานนั้น (ตอนจบ)



กระจกร้าวบานนั้น (ตอนจบ)

อัลฟะฏอนีย์





ฮาชิมและกรือซงลืมนึกถึงอดีตของตน เขาอยู่ที่ตำบลยือลาแบโดยที่ชาวบ้านทุกคนให้ความเคารพ เป็นคนที่มีเกียรติคนหนึ่งในสังคมแคบๆ สมัยหนุ่มๆ เขาเคยเป็นที่รู้จักในนามของ "ฮาชิม บาหรัด" เพราะความเก่งกล้าและความเฉลียวฉลาดให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อหาขโมยยางแผ่นของโต๊ะครูเจ๊ะแว เขาเคยถูกจับในข้อหาโขมยยางหนัก 25 กิโลกรัม ของโต๊ะครูเจ๊ะแว แต่ก็เอาตัวรอดได้ โดยการใช้เล่ห์เหลี่ยมในการพูด  หลังจากนั้น เขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว ทั้งนิสัยเก่าๆ หันมาทำความดี เข้าสังคม แล้วเขาก็ถูกต้อนรับและได้รับเกียรติให้เป็นผู้ใหญ่บ้านในเวลาต่อมา

เขาทั้งสองปิดบังอดีต ไม่เคยปริปากบอกให้ใครรู้ เพราะกลัวจะเสียชื่อเสียง นั่นมันก็ยี่สิบปีผ่านมาแล้ว นับอายุของอาลีตอนนั้นก็ประมาณสองขวบเห็นจะได้

"แบเซ็ง... หากซงจะเรียกหมอสี่แยกงูตายมารักษาเป็นไง เผื่อโรคจะหายบ้าง..." ฮาชิมเงียบกริบ ริมฝีปากปิดสนิทมีแต่น้ำลายฟูมปาก

"แบเซ็ง...นี่แบเซ็งหลับหรือ?" กรือซงร้องเสียงหลง มือลูบไล้ไปตามร่างกายของสามี ไม่ช้าฮาชิมก็รู้สึกตัว ปากขยับจะพูดอะไรสักอย่าง

"อูย...เจ็บ กรือซง...กูสาบานแล้ว..." เสียงสั่นเครือขาดช่วงแล้วเงียบกริบอีกครั้ง




อาลีรู้สึกตัว ริมฝาผนังไม้ไผ่ที่เป็นรูเล็กๆ เต็มไปหมด เพราะปลวกแทะเสียจนแผ่นแทบเละ เขานั่งเงียบเหมือนมีเขาคนเดียวอยู่ในบ้านหลังนั้น เพลิดเพลินกับการเกากลากที่หน้าแข็ง ซึ่งมีขนปุกปุยปิดซ่อน นานๆ จะผลัดมาเกาเกลื้อนที่ขึ้นเป็นแผนที่โลกตรงหน้าอกอย่างมันมือแล้วยกนิ้วขึ้นมาดมอย่างมีความสุข

"เจ๊ะ...เจ๊ะ..." อาลีสะกิดพ่อเบาๆ "ควรไปโรงพยาบาลดีกว่า ไม่เห็นมีประโยชน์เลยที่ต้องเสียเงินเพราะภูตผีเทวดา เงินกำลังจะหมด ปู่ทวดก็ไม่เห็นมาช่วย หมอบ้านเหล่านั้นโกหกทั้งเพ สิ่งที่ไม่ใช่บอกว่าใช่ สิ่งที่จริงบอกว่าไม่จริง เขาว่าเจ๊ะถูกผีสิง ถูกคนเขาทำ ถูกเจ้าผีมะกอแปบ่อเจ็ด... ถูกเงาของผีน้ำ แต่ละคนรู้จักผีกันทั้งนั้น ล้วนแต่โกหกทั้งเพ..."

อาลีอัดอั้นมานาน คงรวมความคิดเห็นเอาตอนเกากลากเกลื้อนนั่นก็เป็นได้ มือของเขาลูบหน้าแข้ง ปากก็พล่ามต่อ "ความเชื่ออย่างนี้อิสลามห้ามด้วย..." อาลีทำท่าจะพูดต่อ แต่แม่ค้อนมาจึงนั่งเงียบ ไม่อย่างนั้นคงจะเทศน์เรื่องศาสนาไปอีกหลายบท ความจริงเขารู้ไม่มาก และเคยถูกโต๊ะครูเจ๊ะแวตีด้วยหวายหนึ่งโหลเพราะเอากัญชามาดูดกันในปอเนาะ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ไปเรียนอีกเลย

"เจ๊ะ..." เขาหงุดหงิด เขาอยากจะพูดให้มันหมด "...เราจะเชื่อผิดๆ อย่างนี้ไม่ได้ อัลลอฮ์ห้ามไม่ให้เชื่อในสิ่งที่งมงาย..." เห็นแม่จ้องเขม็ง ปากของเขาหุบทันที เพราะแต่ก่อนหากมีใครมาพูดในทำนองเสี้ยมสอนอย่างนี้ละก็ ถ้าไม่โดนขว้างด้วยพร้าก็คงต้องเป็นขวานแน่ๆ แต่ฮาชิมกลับเงียบสนิท หายใจแขม่วๆ เหม็นคลุ้ง



กรือซงจัดที่นอนให้สามี ดึงผ้ามาห่มแค่หน้าอก อาลีเฝ้าแต่บีบแขนบีบมือเบาๆ นานๆ จะมาเกาโรคผิวหนังที่หน้าแข้งแล้วรู้สึกมันในอารมณ์

ฮาชิมพลิกตัวไปมา สลัดผ้าห่มออกแล้วเอามือลูบท้องที่เต่งตึง ร่างที่ซีดเหมือนศพสะท้อนจากตะเกียง น้ำมันก๊าซให้เห็นแต่ซี่โครง ฝนโปรยเม็ดลงมาไม่หนักเหมือนตอนเย็น แต่ก็พอจะทำให้มันหยดจากหลังคามุงจากสู่กะลามังที่กรือซงไปรองไว้ ยิ่งอากาศหนาวเย็นแค่ไหน โรคของฮาชิมจะหนักเท่านั้น ต้นเงาะและมังคุดกระทบกิ่งใบฟัง เหมือนดนตรีปีศาจที่บรรเลงเพลง ณ มุมมืด เขาหลับอีกครั้งหายใจช้าๆ

"ไม่...กูไม่ได้ขโมย...ไม่ ไม่...อู๊ยยยย" กรือซงมองหน้าอาลีที่ทำท่างงๆ ข้างๆ พ่อสักครู่แล้วพูดอย่างไร้น้ำหนักว่า "...ดูเจ๊ะให้ดีนะ และสอนมูจั๊บด้วย เดี๋ยวแม๊ะจะมา..." กรือซงดันตัวเองจากที่นั่งอย่างลำบาก เดินไปหยิบเอาผ้ามาคลุมศีรษะแล้วลงบันไดไป ได้ยินเสียงอาลีกล่าวแผ่วเบาและลุ่มลึก "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์" อยู่ข้างหลัง



ลมเย็นพัดผ่านมาวูบหนึ่ง เปลวไฟจากตะเกียงสะบัดไปมา น้ำฝนที่หยดลงมาจากหลังคาใบจากตกสู่กะละมังดังตึ๊บๆ สม่ำเสมอ นกฮูกส่งเสียงร้องฮูกๆ ตามชายป่าปลุกอาลีให้ตื่นขึ้นจากการนั่งหลับ และเริ่มกระสับกระส่าย

"เขาว่า... ถ้าเสียงนกนั้นร้อง... แต่คงไม่หรอก มันชิริกนี่" แม้อาลีจะนึกหักห้ามใจ แต่ก็อดกังวลไม่ได้ เขาหันไปบีบแขนพ่อเบาๆ รู้สึกผิดปกติ แขนเย็นเฉียบ จึงหยิบตะเกียงมาวางไว้ใกล้ตัว เห็นตาบิดาเบิ่งค้าง

"เจ๊ะ...เจ๊ะ..." อาลีเรียกอยู่สองสามคำแล้วได้ยินเสียงเดินกุกกักตรงขึ้นบันไดไม้ไผ่

"แม๊ะ...แม๊ะ..มาดูเจ๊ะซิ..." กาลีร้องเสียงหลง กรือซงรีบตะเกียกตะกายขึ้นบันได ตามด้วยโต๊ะอิมาม โต๊ะบิลาล โต๊ะครูเจ๊ะแว แล้วรีบไปนั่งใกล้สามี น้ำตาเอ่อล้น...โต๊ะอิมามยื่นมือไปลูบตาฮาชิมให้ปิดแล้วหันมองกรือซง

"อินนา ลิลลาฮิ วะอินา อิลัยฮิ รอญิอูน" เขาพึมพำเบาๆ แล้วถอนหายใจลึกๆ สายตามองกวาดไปรอบๆ บ้านแล้ว

หันมาดูศพฮาชิม "เราฝังพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ"

เสียงฝนโปรยปรายอยู่บนหลังคาโต๊ะอิมามสบตากับโต๊ะบิลาลสักครู่ "เออ....แล้วจะ...."

"สองพันพอไหม?" กรือซงสวนถามทันที โต๊ะอิมามผงกหัวแล้วนั่งคุยอยู่สักพักจึงลากลับ ข่าวการตายของฮาชิมกระจายไปทั่วตำบล มีคนไปเยี่ยมพร้อมทั้งบริจาคได้หลายร้อยบาท

กรือซงขยับกายไปยังเสาต้นกลางอีกครั้ง เธออ้าปากดูฟันทองสามซี่ แล้วนึกอุ่นใจ "คงจะเกินสองพัน ไว้ตูงูกูโบร์แบเซ็งแน่ๆ เลย" เธอยิ้มอย่างขมขื่นหน้ากระจกร้าวบานนั้น



www.nisavariety.com



Copyrights © 2009 www.nisavariety.com All Rights Reserved.
counter